10 กลยุทธ์ปกป้องโรคหลอดเลือดแดงใหญ่โป่งพองรับวาเลนไทน์

10 กลยุทธ์ปกป้องโรคหลอดเลือดแดงใหญ่โป่งพองรับวาเลนไทน์
แชร์

เมื่อวันวาเลนไทน์หรือวันแห่งความรักเวียนมาอีกครั้ง ไม่เพียงแต่การดูแลหัวใจตัวเองที่สำคัญ แต่การดูแลหัวใจคนข้าง ๆ ที่รักให้แข็งแรงก็สำคัญไม่แพ้กัน โดยเฉพาะการดูแลหัวใจให้ห่างไกลโรคหลอดเลือดแดงใหญ่โป่งพอง (Aortic Aneurysm) เป็นสิ่งที่ต้องใส่ใจ เพราะเป็นหลอดเลือดที่ใหญ่ที่สุดในร่างกายที่ออกมาจากหัวใจ หากเกิดปัญหาจะส่งผลต่ออวัยวะทั้งหมด
         

นายแพทย์อรรถภูมิ สู่ศุภอรรถ ศัลยแพทย์หัวใจและทรวงอกและผู้ช่วยผู้อำนวยการ โรงพยาบาลหัวใจกรุงเทพ กล่าวว่า “หลอดเลือดแดงใหญ่มีความสำคัญมาก เปรียบเสมือนท่อน้ำหลักที่เลือดไหลผ่านเฉลี่ยแล้วนาทีละ 5 ลิตร ดังนั้นไม่ว่าโรคใดก็ตามที่เกิดกับหลอดเลือดนี้จะส่งผลไปทั่วร่างกาย และถึงแม้ปัจจุบันประชาชนจะมีความรู้มากขึ้นและวิทยาการทางการแพทย์ก้าวหน้าขึ้เรื่อย ๆ แต่พฤติกรรมของผู้คนส่วนใหญ่ที่มีไลฟ์สไตล์แบบตะวันตก ชอบรับประทานอาหารที่มีไขมันสูง ทำให้เพิ่มความเสี่ยงในการเป็นโรคนี้ จากข้อมูลสถิติพบว่า ผู้ชายอายุ 65 ปีขึ้นไปมีความเสี่ยงที่จะเป็นโรคหลอดเลือดแดงใหญ่โป่งพองถึง 10 – 15%”

เทคนิคป้องกันหลอดเลือดแดงใหญ่โป่งพอง

การรู้จักดูแลตนเองและคนใกล้ตัวเพื่อป้องกันโรคหลอดเลือดแดงใหญ่โป่งพองตั้งแต่เนิ่น ๆ ย่อมช่วยให้หัวใจแข็งแรง ห่างไกลโอกาสที่จะเสียชีวิตก่อนวัยอันควร

10 เทคนิคดังต่อไปนี้คือวิธีป้องกันโรคหลอดเลือดแดงใหญ่โป่งพองที่คุณและคนข้าง ๆ ไม่ว่าใครก็สามารถทำได้

  1. ตรวจเช็กหัวใจเมื่อเสี่ยง สำหรับกลุ่มเสี่ยงที่มีแนวโน้มจะเป็นโรคหลอดเลือดแดงใหญ่โป่งพอง ได้แก่ ผู้ชายอายุ 65 ปีขึ้นไป ผู้ที่มีประวัติสูบบุหรี่อย่างน้อย 1 ครั้งในชีวิต และผู้ที่มีประวัติคนในครอบครัวป่วยด้วยโรคหลอดเลือดแดงใหญ่โป่งพอง ควรต้องพบแพทย์เพื่อทำ Screening Test  หัวใจ โดยอัลตราซาวนด์บริเวณช่องท้องหรือเอกซเรย์คอมพิวเตอร์บริเวณช่วงอกตามการวินิจฉัยของแพทย์ หากเป็นโรคนี้จะได้รักษาได้ทันท่วงทีก่อนที่หลอดเลือดจะแตกหรือปริ ลดโอกาสเสียชีวิตได้สูงเป็นสิบเท่า
  2. รู้ระวังสัญญาณเตือน ได้แก่ เจ็บหน้าอกบริเวณกึ่งกลางหน้าอกทะลุหลัง ปวดท้องบริเวณกลางท้องในลักษณะเต้นตุบ ๆ หากมีอาการดังกล่าวควรรีบมาพบแพทย์เฉพาะทางที่มีความชำนาญด้านหัวใจทันที
  3. เลิกสูบบุหรี่ให้เด็ดขาด เพราะช่วยลดโอกาสหลอดเลือดแดงแตกลงถึง 4 เท่า ในผู้ที่ตรวจพบการโป่งพองของหลอดเลือด แต่ยังไม่ถึงขั้นแตกหรือต้องเข้ารับการผ่าตัด
  4. ทานอาหารเสริมบำรุงหัวใจ อย่างผักและผลไม้สด รวมทั้งสารอาหารครบทั้ง 5 หมู่ในปริมาณที่เหมาะสม หากร่างกายได้รับสารอาหารเพียงพอ ไม่จำเป็นต้องเสริมด้วยวิตามิน เพราะการได้รับวิตามินบางชนิดมากเกินไปอาจส่งผลเสียต่อร่างกายได้ ที่สำคัญก่อนทานวิตามินควรปรึกษาแพทย์โดยละเอียด
  5. เลี่ยงยาที่ไม่ได้มาตรฐาน ได้แก่ ยาลูกกลอน ยาต้ม ยาหม้อ เพราะนอกจากไม่ทราบที่มาของส่วนผสมที่แน่ชัด ยังอาจมีส่วนผสมของสเตียรอยด์ ทำให้เป็นอันตรายต่อร่างกายมากกว่าที่คิด
  6. ควบคุมอารมณ์ไม่ให้เครียด เพราะเป็นปัจจัยหนึ่งที่ทำให้เกิดความดันโลหิตสูง ซึ่งส่งผลให้เป็นโรคหลอดเลือดแดงใหญ่โป่งพองได้ ควรรู้จักจัดการกับความเครียดและหลีกเลี่ยงสิ่งต่าง ๆ ที่จะทำให้ตนเองหรือคนใกล้ตัวเกิดความเครียด
  7. เล่นกีฬาที่ใช่ เพื่อให้สุขภาพแข็งแรง จิตใจแจ่มใส โดยการออกกำลังกายในผู้ที่มีความเสี่ยงหรือผู้ที่ตรวจพบแล้วว่าเป็นโรคหลอดเลือดแดงใหญ่โป่งพอง แต่ยังไม่ถึงขั้นต้องเข้ารับการผ่าตัด ควรออกกำลังในระดับปานกลางที่ไม่เหนื่อยจนเกินไป เช่น วิ่งจ็อกกิง ว่ายน้ำ เดินป่า ฯลฯ และหลีกเลี่ยงกีฬาที่ใช้แรงเบ่ง เช่น การยกน้ำหนัก ฯลฯ
  8. ชากาแฟต้องพอดี เพราะคาเฟอีนมีผลต่อร่างกายแต่ละคนไม่เท่ากัน ควรสังเกตร่างกายตนเอง และดื่มในปริมาณที่เหมาะสมเพื่อให้ไม่เกิดผลเสียกับหัวใจ แนะนำให้ดื่มไม่เกินวันละ 1 แก้ว
  9. งดดื่มสุราและเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เพราะมีผลทำให้ความดันโลหิตสูง เพิ่มความเสี่ยงในการเป็นโรคหลอดเลือดแดงใหญ่โป่งพองมากขึ้น
  10. มองหางานอดิเรกที่ชอบ ช่วยให้ห่างไกลจากภาวะซึมเศร้า เติมเต็มชีวิตให้มีคุณค่าและมีความสุข มีหัวใจที่แข็งแรง โดยควรเลือกงานอดิเรกที่เหมาะสม เช่น ดูหนัง ฟังเพลง ออกกำลังกาย ปลูกต้นไม้ อ่านหนังสือ เลี้ยงสัตว์ ฯลฯ หรืองานอดิเรกที่ได้ทำประโยชน์เพื่อผู้อื่นและสังคมอย่างกิจกรรมจิตอาสาต่าง ๆ ตามความถนัด
 

 
เพราะการดูแลหัวใจให้แข็งแรงควรใส่ใจทั้งตัวคุณเอง คนที่คุณรัก และคนที่รักคุณ นายแพทย์อรรถภูมิฝากทิ้งท้ายว่า “ในช่วงวาเลนไทน์นี้การส่งต่อความรักที่ดีอย่างหนึ่งคือ ชวนคุณพ่อคุณแม่และคนที่คุณรักและห่วงใยมาตรวจเช็กสุขภาพ เพราะการพบแพทย์ไม่จำเป็นต้องทานยาเสมอไป แต่ได้ความรู้และแนวทางการปฏิบัติตัวที่ถูกต้อง โดยเฉพาะสุขภาพหัวใจจำเป็นต้องดูแลเป็นพิเศษ สำหรับใครที่มีความเสี่ยงแนะนำให้ตรวจเช็กตั้งแต่อายุ 40 ปีขึ้นไป แต่สำหรับใครที่ไม่มีความเสี่ยงแนะนำให้ตรวจเช็กหัวใจอย่างละเอียดตั้งแต่อายุ 50 ปีขึ้นไป เพื่อจะได้มั่นใจว่าจะได้อยู่กับคนที่รักไปนาน ๆ และถ้าหากตรวจแล้วพบว่ามีความเสี่ยงที่จะเป็นโรคหัวใจหรือพบว่าเป็นโรคหัวใจแล้ว การส่งต่อความรักแบบหนึ่งที่ดีที่สุดคือการเป็นกำลังใจให้กัน”
แชร์

สอบถามเพิ่มเติมที่

ชั้น 2 โรงพยาบาลหัวใจกรุงเทพ
เปิดให้บริการ ทุกวัน เวลา 07.00 – 16.00 น.
info@bangkokhospital.com